เรื่องย่อ ของ ไบโอช็อก อินฟินิต

ฉาก

BioShock Infinite ดำเนินเรื่องในเมืองลอยฟ้าวัฒนธรรมจักรกลไอน้ำนาม Columbia

ฉากหลังของ BioShock Infinite คือช่วงปี ค.ศ. 1912 ในเมือง Columbia ซึ่งเป็นเมืองสมมติ ลอยอยู่บนฟ้าได้ด้วย "การลอยแบบควอนตัม"[2] ประกอบกับบอลลูนและเครื่องบิน ตั้งชื่อตามอีกชื่อหนึ่งของสหรัฐอเมริกา[3] เมืองนี้แรกเริ่มถูกสร้างโดยทางการสหรัฐฯ เพื่อจัดงานเวิลด์แฟร์ลอยฟ้า[4] แรกก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1893 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก[5][6] และถูกส่งให้เดินทางไปยังทวีปต่างๆ เพื่อเผยแพร่ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา[4][7] อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไปก็มีการเปิดเผยว่าจริงๆ แล้ว Columbia เป็นเรือรบประสิทธิภาพสูง และมีส่วนสำคัญในอุบัติเหตุระหว่างประเทศโดยเปิดฉากยิงใส่ประชาชนชาวจีนในช่วงเหตุการณ์กบฏนักมวย เมื่อค.ศ. 1901[8][9] จากนั้นจึงถูกปฏิเสธจากทางการสหรัฐฯ ทำให้ Columbia ถอนตัวออกจากสหรัฐฯ และซ่อนตัวหายไปในหมู่เมฆ จนไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด[9][10]

Columbia ปกครองโดยรัฐเทวาธิปไตยที่คล้ายคลึงแต่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ นับถือบูชาเหล่าบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา[11] ดูภายนอกเหมือนเป็นเมืองในอุดมคติแต่มีความเลวร้ายซ่อนอยู่เบื้องหลัง[12] มีการเหยียดเผ่าพันธุ์และทั่วไปในสังคม และเชื่อว่าคนผิวขาวนั้นสูงส่งกว่า ควรได้รับสิทธิพิเศษต่างจากคนอื่น[13][14] ชาติพันธุ์อื่นที่อาศัยใน Columbia จะถูกกดขี่ อาจถูกนำไปเป็นทาสหรือคนรับใช้[15] มีการสนับสนุนการเหยียดผิวอย่างมาก[14]จนถึงกับว่าผู้ที่สมรสข้ามชาติพันธุ์จะถูกประชาทัณฑ์ต่อหน้าสาธารณะ[16][17] การกดขี่เช่นนี้ทำให้ชาติพันธุ์อื่นๆ มีจำนวนน้อย และต้องทำงานแรงงานโดยไม่มีโอกาสที่จะดึงตัวเองขึ้นมาได้[18]

ในช่วงเวลาของเหตุการณ์ในเกมนั้น ความตึงเครียดทางการเหยียดเชื้อชาติสูงถึงจุดที่กำลังจะเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มผู้ก่อตั้งที่มีอำนาจปกครอง กับกลุ่มผู้ต่อต้าน "Vox Populi" ซึ่งมีแนวคิดเป็นขั้วตรงข้ามอยู่รอมร่อ[19] กลุ่มผู้ก่อตั้งคือผู้มีอำนาจทางการเมือง มีแนวคิดชาติพันธุ์นิยมสุดโต่ง มีอำนาจปกครอง Columbia พวกนี้พยายามรักษา Columbia ให้เป็นเมืองของชาวอเมริกันคนขาวแต่เพียงกลุ่มเดียว โดยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิ์ต่างๆ[20] ส่วนเหล่า Vox Populi (ภาษาละติน "เสียงของประชาชน") คือกลุ่มของผู้ที่ต่อต้านแนวคิดชาติพันธุ์นิยมแบบสุดโต่งของ Columbia หลายๆ กลุ่ม มารวมกันเป็นกลุ่มเดียว พวกเขาต่อสู้เพื่อยึดอำนาจปกครองและคืนสิทธิ์ที่เสมอภาคให้กับชาว Columbia โดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์และศาสนา อย่างไรก็ดีเมื่อต้องต่อสู้ต่อเนื่องยาวนานหลายปี ก็ทำให้กลุ่ม Vox Populi ต่อสู้ด้วยความเกลียดชังเป็นที่ตั้ง จนใช้วิธีการที่รุนแรงและโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ[20]

นอกจากความขัดแย้งภายในแล้ว Columbia ยังถูกคุกคามด้วย "รอยแยก" (Tears) ในกาล-อวกาศอีกด้วย[21][22] รอยแยกเหล่านี้เป็นผลพวงมาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของ Columbia ซึ่งเป็นช่องทางเปิดไปยังโลกคู่ขนาน และอาจสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างโลกคู่ขนานนี้ได้[23] คนส่วนใหญ่ใน Columbia ถือว่ารอยแยกเหล่านี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ไม่น่าสนใจ[24]แต่บางคนก็ใช้ประโยชน์จากรอยแยกเหล่านี้ที่ทำให้สามารถเข้าถึงความรู้ที่นำไปสร้างอาวุธและเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ บางคนยังรับเอาบทเพลงและดนตรีที่ได้ยินผ่านรอยแยกมาคัดลอกเผยแพร่อีกด้วย[25] ทำให้ภาพของเมือง Columbia ใน ค.ศ. 1912 มีความไม่เข้ากันทางประวัติศาสตร์ศิลปะปรากฏอยู่ให้เห็น[26]

เช่นเดียวกับในเกม BioShock และ BioShock 2 ผู้เล่นสามารถค้นหาเทปบันทึกเสียง (Voxophone) และเทปบันทึกภาพ (Kinetoscope) ชมได้ในระหว่างการเล่นเกม ซึ่งเนื้อหาในเทปเหล่านี้จะช่วยอธิบายเรื่องราวเบื้องหลังของ Columbia ที่มีรายละเอียดมากกว่าการเล่นเกมปกติ[27] ทั้งนี้แม้เกมนี้จะดำเนินเรื่องก่อนเหตุการณ์ใน BioShock สองภาคแรก (BioShock เกิดในปี ค.ศ. 1960 และ BioShock 2 เกิดในปี ค.ศ. 1968) แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเรื่องราวใน Infinite เกิดในเส้นเวลาเดียวกันกับเกมทั้งสองภาคนี้หรือไม่[28]

ตัวละคร

Elizabeth ใช้ความสามารถของเธอเปิดรอยแยกไปยังปารีสในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980

ผู้เล่นรับบทเป็น Booker DeWitt (Troy Baker) อดีตสมาชิกของสำนักงานนักสืบ Pinkerton มีบาดแผลทางใจจากความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปในการรบที่ Wounded Knee[29] เมื่อมีหนี้สินจำนวนมากเขาจึงถูกจ้างวานให้เดินทางไปยัง Columbia เพื่อช่วยเหลือ Elizabeth (Courtnee Draper) หญิงสาวที่ถูกจองจำไว้ตั้งแต่เด็ก[4] ซึ่งมีความสามารถพิเศษเปิดรอยแยกได้[21] เธอถูกจองจำไว้ภายใต้ความควบคุมของ Songbird หุ่นยนต์ยักษ์รูปนกที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้คุมของเธอ และเมื่อ Elizabeth พยายามหนีก็รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง[21]

"พระบิดา" Zachary Hale Comstock (Kiff VandenHeuvel) ตัวร้ายหลักของเรื่อง เป็นผู้ก่อตั้ง Columbia และผู้นำเหล่าผู้ก่อตั้งที่มีอำนาจควบคุมเมืองนี้[30] ชาวเมือง Columbia เรียกเขาว่า The Prophet ("ศาสดาพยากรณ์") และนับถือเหมือนพระเจ้า[31] Comstock คงอำนาจไว้ได้ผ่านลัทธิบูชาบุคคลที่ดัดแปลงมาจากคริสต์ศาสนาและเหล่าบิดาของสหรัฐอเมริกา[11] เหล่าผู้ก่อตั้งถูกต่อต้านโดยกลุ่ม Vox Populi นำโดย Daisy Fitzroy (Kimberly Brooks) ซึ่งแรกเริ่มแล้วถูก "สร้าง" ขึ้นมาโดย Comstock เพื่อเป็นแพะให้กับความขัดแย้งทางสังคมที่เกิดขึ้น และนำไปสู่ความเป็นรัฐตำรวจของ Columbia[32] โดย Fitzroy ยอมขึ้นเป็นผู้นำกลุ่ม เนื่องจากมีความเกลียดชังต่อการกระทำของเหล่าผู้ก่อตั้ง[33]

Robert Lutece (Over Vaquer) และ Rosalind Lutece (Jennifer Hale) เป็นบุคคลลึกลับที่นำ Booker มายัง Columbia และปรากฏตัวขึ้นอีกหลายครั้งระหว่างการผจญภัยของเขา แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นฝาแฝดแต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองคือคนคนเดียวกันจากคนละโลกคู่ขนาน ที่สุดท้ายแล้วพบหนทางที่จะเดินทางผ่านมิติได้ โดย Rosalind เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีวิเศษที่ทำให้ Columbia ลอยอยู่บนฟ้าได้[34][35]

เนื้อเรื่อง

ค.ศ. 1912 Booker DeWitt ถูก Robert และ Rosalind Lutece พาตัวไปยังประภาคารบนเกาะ นอกชายฝั่งรัฐเมน เมื่อถูกบอกว่า "เอาเด็กผู้หญิงมา แล้วหนี้ของคุณจะถูกล้าง" Booker จึงเข้าไปในกระสวยจรวด ซึ่งพาเขาไปยัง Columbia[36]

ใน Columbia นั้น Booker ถูกทางการตามล่า เนื่องจากเขามีรอยสัก "AD" ที่หลังมือขวา ซึ่งตรงกับลักษณะของ "False Shepherd" ("ผู้ชี้ทางหลอก") ซึ่งจะมาล่อลวง Elizabeth และทำลายเมือง Columbia[17][37] หลังจากช่วย Elizabeth ออกมาจากหอคอยได้อย่างหวุดหวิดจากหุ่นยนต์ยักษ์ "Songbird" ที่คอยคุมตัวเธออยู่ ทั้งสองขึ้นเรือเหาะโดย Booker แกล้งบอก Elizabeth ว่าจะพาไปปารีสตามที่เธอต้องการ แต่เมื่อเธอรู้ทันว่าสถานที่ที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางไปจริงๆ แล้วคือนิวยอร์ก เธอจึงทำร้าย Booker จนสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเรือเหาะถูกยึดโดย Daisy Fitzroy และกลุ่มกบฏ Vox Populi ซึ่งเสนอเงื่อนไขว่าจะคืนเรือเหาะให้ถ้า Booker ไปเอาอาวุธมาแลก

หลังจากหาตัว Elizabeth เจอแล้ว Booker ก็เดินทางต่อไปพร้อมกับเธอ เมื่อ Elizabeth ได้ใช้พลังเปิดรอยแยกบ่อยครั้งเข้าก็เริ่มพบว่าการเปลี่ยนมิติมีผลกระทบตามมามากมายทั้งต่อ Booker และต่อ Columbia ซึ่งทำให้เธอไม่สบายใจอย่างมาก รอยแยกหนึ่งนำไปสู่โลกที่ Booker กลายเป็นสมาชิก Vox Populi ผู้สละชีพเพื่ออุดมการณ์ นำไปสู่สงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อ Fitzroy ในโลกนี้ พบว่า Booker ที่ควรจะตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ จึงเชื่อว่าการที่ Booker ยังมีชีวิตจะทำให้การเสียสละของ Booker ที่ตายไปแล้วสูญเปล่า จึงให้ทหารของเธอหันมาไล่ล่า Booker จนในที่สุด Elizabeth ก็ได้ฆ่า Fitzroy เพื่อป้องกันไม่ให้เธอฆ่าเด็กน้อยที่เป็นลูกชายของผู้ก่อตั้ง

ขณะที่ทั้งสองกำลังใช้เรือเหาะเดินทางไปต่อ Songbird ก็เข้าโจมตีทำให้เรือเหาะตกลงมายัง Columbia อีกครั้ง เมื่อเดินทางต่อไปทั้งสองก็ได้รับรู้ถึงเรื่องสมคบคิดเบื้องหลังการก่อตั้งเมืองนี้ เช่นเรื่องที่ Zachary Hale Comstock ให้ "ฝาแฝด" Lutece สร้าง Siphon ("ท่อเชื่อม") ขึ้นเพื่อยับยั้งพลังของ Elizabeth เอาไว้ เรื่องที่แม้ Comstock จะเลี้ยงเธอเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา แต่เธอก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของ Comstock และเรื่องที่ Comstock วางแผนฆ่าภรรยาของตัวเองและพวก Lutece เพื่อปิดบังความจริงจากคนภายนอก จากนั้นเมื่อ Elizabeth ถูก Songbird จับตัวไป Booker ก็ไล่ตามไปจนถูกดึงไปสู่อนาคตได้พบกับ Elizabeth วัยชรา เธออธิบายว่าในตอนนั้นที่ Booker ไม่สามารถรั้งตัวเธอไว้จาก Songbird ได้ เธอก็ถูกทรมานและล้างสมองต่อเนื่องหลายสิบปี จนในที่สุดก็ต้องรับช่วงต่อจาก Comstock และทำสงครามกับโลกทั้งโลก เธอบอกอีกว่า Songbird จะคอยปกป้องเธอไม่ให้ถูกพาตัวไป จึงอ้อนวอนให้ Booker หยุด Songbird ให้ได้ด้วยเสียงเพลง และพาตัวเขากลับมายังปัจจุบัน[38]

Booker ตามหา Elizabeth ในปัจจุบันจนพบ ทั้งสองไล่ล่าไปจนเจอ Comstock ที่เรือเหาะของเขา ที่นั่น Comstock ขู่ให้ Booker อธิบายอดีตที่แท้จริงของ Elizabeth ให้เธอฟัง Booker โกรธจัดจึงสังหาร Comstock ด้วยการจับกดน้ำ และปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องราวใดๆ ในอดีตของ Elizabeth รวมทั้งนิ้วก้อยที่หายไปของเธอด้วย แต่ Elizabeth บอกว่าจริงๆ แล้ว Booker รู้ เพียงแต่ลืมไป ทั้งสองใช้เสียงเพลงควบคุม Songbird เข้าต่อสู้กับการโจมตีของ Vox Populi และให้ Songbird ทำลายหอคอย Siphon เมื่อเสียการควบคุม Songbird พยายามโจมตี Booker อีกครั้ง แต่ Elizabeth ที่ได้พลังทั้งหมดคืนมาแล้วก็เปิดรอยแยกพาทั้งสองไปยังเมืองใต้น้ำ Rapture[note 1] ในขณะที่ Songbird ถูกแรงดันน้ำกดจนถูกทำลายไป[39]

Elizabeth พา Booker ขึ้นมาบนผิวน้ำ และได้พบกับประภาคารมากมาย เธออธิบายว่าประภาคารที่เห็นนี้มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละอันแทนโลกในมิติคู่ขนานอื่นๆ ที่ในนั้นมีทั้ง Elizabeth และ Booker ในรูปแบบอื่นๆ จากทางเลือกอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน[40] เธอแสดงภาพให้ Booker เห็นว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1893 Comstock ส่ง Robert Lutece มาหา Booker เรียกร้องให้ "เอาเด็กผู้หญิงมา แล้วหนี้ของคุณจะถูกล้าง" ซึ่งหมายถึงเขาต้องการตัวลูกสาวของ Booker คือ Anna DeWitt แม้ Booker จะลังเลแต่ก็ตอบตกลงมอบลูกสาวให้ Lutece ไป ทว่าก็เปลี่ยนใจในไม่ช้าและรีบไล่ตามไปจนพบ Comstock กำลังพาตัวลูกสาวของเขาข้ามรอยแยกไปยังอีกโลกหนึ่ง หลังจากยื้อยุดกันอยู่ทั้ง Comstock และลูกสาวของเขาก็หลุดผ่านเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งได้แต่รอยแยกที่ปิดลงก็ทำให้นิ้วก้อยของ Elizabeth ถูกตัดค้างอยู่ที่โลกของเขา Booker เสียใจมากจึงสักชื่อย่อ AD ลงบนหลังมือขวา ตรงกันกับตราประทับของ False Shepherd ส่วนทาง Comstock ก็เลี้ยง Anna เหมือนเป็นลูกของตัวเองภายใต้ชื่อใหม่ว่า Elizabeth และเนื่องจากเธอมีชิ้นส่วนของร่างกายตกค้างอยู่ในสองโลก จึงมีพลังสร้างรอยแยกและเดินทาข้ามรอยแยกได้โดยอิสระ[41] Robert Lutece ไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของ Comstock จึงชักชวน Rosalind ให้มาช่วยกันพา Booker จากโลกนี้ เดินทางไปยังโลกที่มี Columbia เพื่อช่วยเหลือ Elizabeth[35][41]

Elizabeth ยังอธิบายต่ออีกว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะยังคงมี Comstock อยู่ในโลกคู่ขนานอื่นๆ เสมอ เห็นได้จากการที่พวก Lutece ได้พา Booker หลายต่อหลายคน จากหลายต่อหลายโลกคู่ขนาน มาทำภารกิจช่วยเหลือ Elizabeth เพื่อหาทางจบวงจรให้ได้[38] วิธีที่จะหยุด Comstock ได้จริงๆ คือการทำลายเขาตั้งแต่ตอนเกิด Elizabeth จึงพา Booker ย้อนเวลาไปตอนที่เขาจะเข้าพิธีศีลจุ่มที่เขาต้องการจะเข้าร่วมเพื่อล้างความรู้สึกผิดบาปที่ทำเอาไว้ที่การสังหารหมู่ที่ Wounded Knee เธออธิบายต่อว่าแม้ Booker คนนี้ จะเปลี่ยนใจไม่เข้าทำพิธีศีลจุ่ม แต่ Booker ในโลกคู่ขนานอื่นเลือกที่ทำพิธีจนเสร็จสิ้น และได้ "เกิดใหม่" ในชื่อใหม่ Zachary Comstock[38] โดย Comstock คนนี้ เมื่อได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องข้ามมิติของ Lutece จนเกิดผลข้างเคียงกลายเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ ก็ได้ลักพาตัว Anna มา เพื่อให้มีทายาทสืบสกุลปกครอง Columbia เมื่อทราบดังนี้แล้ว Booker จึงยอมให้ Elizabeth จากมิติต่างๆ ช่วยกันจับเขากดน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมีตัวเขาที่ผ่านการทำพิธีศีลจุ่ม ไม่ให้เกิดมีตัวตนของ Comstock ขึ้น จากนั้น Elizabeth ก็ค่อยๆ หายไปทีละคน เหลือเห็นเพียงคนสุดท้าย จอเกมดับเป็นสีดำก่อนที่ผู้เล่นจะได้เห็นว่า Elizabeth คนนี้ หายไปด้วยหรือไม่[41]

ฉากหลังรายชื่อผู้จัดทำคือมี Booker คนหนึ่ง[note 2]ตื่นขึ้นในห้องของเขาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1893 เขาเรียกหา Anna และไปเปิดประตูห้องเดินเข้าไปหาเปลเด็ก จอเกมเลือนเป็นสีดำก่อนที่ผู้เล่นจะทันเห็นว่าในเปลมีเด็กทารกอยู่หรือไม่[41]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไบโอช็อก อินฟินิต http://www.1up.com/previews/bioshock-infinite-game... http://www.computerandvideogames.com/394098/interv... http://www.computerandvideogames.com/399176/biosho... http://www.digitaltrends.com/gaming/irrational-gam... http://popwatch.ew.com/2012/12/07/bioshock-infinit... http://popwatch.ew.com/2013/02/14/bioshock-infinit... http://www.forbes.com/sites/insertcoin/2013/03/27/... http://gameinformer.com/b/news/archive/2010/09/12/... http://pc.ign.com/articles/116/1169837p1.html http://www.insidegamingdaily.com/2011/05/23/e3-201...